สายด่วนโควิด
คิดออกกับจุฬาภรณ์

ค้นหาคำถามที่เกี่ยวข้อง
กรุณาพิมพ์ข้อความที่ต้องการค้นหา
การตรวจคัดกรองโควิดกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง คือ ผู้สัมผัสใกล้ชิดในสถานที่และเวลาเดียวกันกับผู้ป่วยโดยไม่สวมหน้ากาก
** แนะนำให้ผู้สัมผัสกลุ่มเสี่ยงสูงที่ไม่มีอาการควรเข้ารับการตรวจโควิดในวันที่ 5 นับจากวันที่ได้สัมผัสกับผู้ป่วยวันสุดท้าย และแนะนำตรวจซ้ำอีกครั้ง 7 วันหลังจากวันที่ตรวจครั้งแรก หรือวันที่ 13 นับจากวันที่ได้สัมผัสกับผู้ป่วยวันสุดท้าย (แล้วแต่ว่าวันไหนถึงกำหนดก่อน) |
กลุ่มผู้มีอาการเข้าข่ายคัดกรอง
** แนะนำควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์ เพื่อเข้ารับการตรวจคัดกรองเชื้อทันที |
ผู้มีความเสี่ยงต่ำ คือ ผู้ที่สัมผัสกับผู้สัมผัสเสี่ยงสูง โดยไม่ได้พบกับผู้ติดเชื้อโดยตรง **แนะนำกักตัวสังเกตอาการ 14 วัน / หากมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งที่เข้าข่ายติดเชื้อ ให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อ |
ผู้ไม่มีความเสี่ยง คือ ผู้ใกล้ชิดกับผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ เช่น ผู้ที่อยู่ในโรงเรียนหรือที่ทำงานเดียวกับผู้ติดเชื้อ แต่ไม่มีกิจกรรมหรือสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ **ไม่ต้องกักตัว ไม่ต้องตรวจหาเชื้อ ดูแลตนเองเพื่อป้องกัน โดยสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ |
เป็นผู้สัมผัสกลุ่มเสี่ยงสูง เคยตรวจไม่พบเชื้อในครั้งแรกควรตรวจซ้ำไหม หากตรวจไม่พบเชื้อ ให้กักตัวให้ครบ 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้ไปสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อCOVID-19 เพื่อควบคุมการแพร่เชื้อสู่คนอื่นโดยไม่รู้ตัว และตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข กรณีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ไม่มีอาการ แนะนำตรวจซ้ำ 7 วัน หลังจากวันที่ตรวจครั้งแรก หรือวันที่ 13 นับจากวันที่ได้สัมผัสกับผู้ป่วยวันสุดท้าย (แล้วแต่ว่าวันไหนถึงกำหนดก่อน) กรณีตรวจซ้ำครั้งที่ 2 ในผู้สัมผัสกลุ่มเสี่ยงสูง ตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข สามารถใช้สิทธิตรวจฟรีได้ |
ตรวจพบเชื้อแล้วแต่ไม่มีอาการ ไม่ต้องไปตรวจหาเชื้อแล้ว รอเข้ารับการรักษาใน โรงพยาบาลสนามหรือฮอสปิเทล (Hospitel) โดยระหว่างที่รอ ต้องแยกตัวเองออกจากผู้อื่นโดยเคร่งครัด |
ตรวจโควิดฟรีได้หรือไม่สถานพยาบาลที่สามารถตรวจหาเชื้อ COVID-19 ได้มีที่ไหนบ้าง หากเข้าข่ายกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง กล่าวคือ เดินทางไปพื้นที่เสี่ยง สัมผัสกับผู้ติดเชื้อและสงสัยว่าจะติดเชื้อ โดยไม่มีอาการ หรือมีอาการผิดปกติที่เข้าข่ายการติดเชื้อโควิด สามารถเข้ารับการตรวจได้ฟรีที่โรงพยาบาลของรัฐและเอกชนทุกแห่ง สอบถามเพิ่มเติมติดต่อสายด่วน สปสช. 1330 หรือ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 |
ถ้าเข้ามาตรวจ COVID ที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ต้องทำอย่างไร ท่านสามารถคัดกรองว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงหรือไม่ และนัดหมายเลือกวัน-เวลาในระบบลงทะเบียนผ่านทางไลน์โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ แอดไลน์ค้นหาคำว่า @chulabhornhospital เลือกเมนู บริการตรวจโควิด ARI CLINIC คลิกเลือกปุ่ม “ลงทะเบียนตรวจคัดกรอง”เพื่อลงทะเบียนออนไลน์ ทำประวัติผู้ป่วย / คัดกรองความเสี่ยง และเลือกวัน-เวลาที่ต้องการเข้ารับบริการได้เลยค่ะ/ครับ หรือเข้าไปที่หน้าเว็บลงทะเบียนได้ที่ http://ari.cra.ac.th
วิธีการลงทะเบียนตรวจโควิดออนไลน์ที่ ARI Clinic โรงพยาบาลจุฬาภรณ์
|
ค่าบริการตรวจโควิด รพ.จุฬาภรณ์
ค่าตรวจโควิด-19 (RT-PCR) ด้วยการป้ายจมูกและคอ (Swab) ราคา 2,500 บาท
*อัตราดังกล่าวยังไม่รวมค่าบริการ รพ.100 บาท รวมถึงค่ายาและค่าเอกซเรย์กรณีมีวินิจฉัยเพิ่มเติม
หมายเหตุ: ผู้รับบริการที่เป็นกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง ร่วมกับมีประวัติและอาการเข้าข่ายตามเกณฑ์ของกรมควบคุมโรคสามารถใช้สิทธิ์ตรวจเบิกจ่ายส่วนกลาง (สิทธิ์ตรวจฟรีของรัฐ)
|
ตามผลการตรวจโควิดของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์
โรงพยาบาลจุฬาภรณ์จะโทรศัพท์แจ้งผลแก่ผู้รับการตรวจ กรณีพบผลติดเชื้อเท่านั้น ภายใน 24 ชั่วโมง สำหรับผู้ที่ผลตรวจไม่พบเชื้อ โรงพยาบาลจะแจ้งผลทาง SMS ตามหมายเลขโทรศัพท์ที่ท่านแจ้งไว้ในระบบ
ท่านสามารถดาวน์โหลดผลการตรวจโควิดของท่าน เพียงกรอกเลขที่บัตรประชาชน เลขที่ประจำตัวโรงพยาบาล HN และวันที่เข้ารับการตรวจได้ทาง https://covid19.cra.ac.th
|
ซื้อชุดตรวจRapid test COVID-19 มาตรวจเองได้หรือไม่
ไม่ควร เพราะผลตรวจที่น่าเชื่อถือ ต้องทำในจุดบริการที่จัดไว้ และส่งตรวจในห้องปฏิบัติการที่ผ่านการรับรอง
|
ระยะเวลาที่เหมาะสมในการไปตรวจหาเชื้อ และตรวจซ้ำควรเป็นช่วงเวลาแบบใด
หากเป็นกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง รวมถึงมีอาการเข้าข่ายเมื่อไร แนะนำไปตรวจได้เลย
|
การตรวจ IgM IgG ควรแนะนำอย่างไรในกรณีถ้าตรวจแล้วผลออกมาเป็น positive /Negative ควรทำอย่างไร แนะนำอย่างไรว่าควรตรวจหรือไม่
การตรวจแอนติบอดี้ที่เป็นสารเคมีที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองที่ร่างกายมีเชื้อโรคและพยายามทำลายเชื้อโรค มันต้องมีเชื้อโรคในระยะหนึ่ง ร่างกายจะสร้างสารแอนติบอดี้นี้ขึ้นมาโดยใช้เวลาสักระยะกว่าจะตรวจเจอได้กินเวลาประมาณ 1 อาทิตย์ เจอหลังจากที่ตรวจเจอเชื้อ ถ้าตรวจแอนติบอดี้แล้วไม่เจอ ไม่ได้แปลว่าเราไม่ติดเชื้อ
ข้อแนะนำ ถ้าตรวจเพราะสงสัยว่าจะมีการติดเชื้อหรือไม่ มาตรฐานการตรวจเชื้อในปัจจุบันให้ใช้การตรวจหาเชื้อโดยการ Swap โพรงจมูก
|
คำแนะนำสำหรับกลุ่มเสี่ยงสูงที่กำลังรอผลตรวจคำแนะนำวิธีการกักตัวสำหรับผู้ที่รอผลตรวจที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง
หากท่านเป็นกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง คือ ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดในสถานที่และเวลาเดียวกันกับผู้ที่ยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19
ระหว่างรอผลการตรวจ ต้องกักตัวอยู่บ้านตามวิธีการที่ถูกต้อง ดังนี้
การแยกตนเองออกจากบุคคลในครอบครัว
การดูแลสุขอนามัยส่วนตัว
หากไอหรือจาม ควรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หรือหากขณะนั้นไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย ให้ใช้ต้นแขนด้านในปิดปากและจมูกให้มิดชิด และต้องล้างมือทุกครั้งหลังไอจาม
การทำความสะอาดที่พัก
|
คำแนะนำในการตรวจซ้ำ
หากท่านคือกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง และตรวจครั้งแรกไม่พบเชื้อ แนะนำให้ตรวจซ้ำอีกครั้ง 7 วันหลังจากวันที่ตรวจครั้งแรก หรือวันที่ 13 นับจากวันที่ได้สัมผัสกับผู้ป่วยวันสุดท้าย (แล้วแต่ว่าวันไหนถึงกำหนดก่อน)
|
คำแนะนำสำหรับผู้ติดเชื้อโควิดขั้นตอนการรอเข้ารับการรักษา
ผู้ป่วยที่มีผลยืนยันการติดเชื้อ “เป็นบวก” ทางโรงพยาบาล หรือหน่วยงานสาธารณสุขจะติดต่อมายังผู้ป่วยเองเมื่อจัดหาเตียงได้แล้ว หากผู้ป่วยรอกักตัวอยู่ที่บ้านแล้วเป็นเวลา 1 วัน และไม่ได้รับการติดต่อใดๆ ให้ติดต่อที่สายด่วน 1668, 1669, 1330 หรือแอดไลน์ @sabaideebot (สบายดีบอต) พร้อมกรอกข้อมูลส่วนบุคคลให้ครบถ้วน ได้แก่
และรอการติดต่อกลับจากเจ้าหน้าที่
กรมการแพทย์ ได้มีเกณฑ์การแบ่งตามความรุนแรงของผู้ติดเชื้อออกเป็น 3 สี คือ
|
พบผลตรวจว่าติดเชื้อ COVID สามารถไปรักษาที่ รพ.จุฬาภรณ์ได้หรือไม่
เบื้องต้นท่านต้องติดต่อไปยังสถานพยาบาลที่เข้ารับการตรวจก่อน กรณีรอกักตัวอยู่ที่บ้านแล้วเป็นเวลา 1 วัน และไม่ได้รับการติดต่อใดๆ ให้ติดต่อที่สายด่วนโทร 1668, 1669, 1330
กรณีท่านเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ หากตรวจพบผลติดเชื้อ เมื่อทางรพ.ได้ประวัติเพิ่มเติมของผู้ป่วยแล้วจะประสานส่งข้อมูลเข้าส่วนกลางตามกระบวนการของทางกระทรวงสาธารณสุข เพื่อดำเนินการจัดหาสถานที่สำหรับให้ผู้ป่วยได้เข้ารับการกักตัวรักษาต่อไป
ทั้งนี้ กรมการแพทย์ ได้มีเกณฑ์การแบ่งตามความรุนแรงของผู้ติดเชื้อออกเป็น 3 สี คือ
![]() |
โรงพยาบาลสนามในกรุงเทพฯ ต้องการจองเตียงเข้ารับการรักษาโรคโควิด
สามารถสอบถามข้อมูล เช็กโรงพยาบาล / หาเตียง ได้ที่
![]() |
ติดโควิดไม่มีอาการ อยู่บ้านดูแลตนเองได้ไหม
เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโควิด ผู้ที่ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด ควรได้รับการกักตัวเพื่อดูแลรักษา ในสถานที่ที่ภาครัฐจัดให้ตามความรุนแรงของอาการเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน เว้นแต่หน่วยงานของรัฐยังไม่สามารถจัดหาสถานที่ให้ได้ และผู้ป่วยไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยมาก เมื่อผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลแล้ว ยังต้องกักตัวต่อเนื่องอีก 14 วัน สำหรับผู้ที่กักตัวที่บ้านโดยตลอด ต้องกักตัวเป็นเวลาอย่างน้อย 28 วัน
|
เกณฑ์การพิจารณาผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่สามารถรออยู่บ้านได้
สำหรับเกณฑ์การพิจารณาผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่ยังสามารถรอการกักตัวอยู่บ้านได้ มีดังนี้
1. เป็นผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่ไม่มีอาการใด ๆ 2. ผู้ติดเชื้อมีอายุไม่เกิน 40 ปี 3. มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง 4. มีผู้อยู่ร่วมที่พักอาศัยไม่เกิน 1 คน 5. ไม่มีภาวะอ้วน 6. ไม่มีโรคร่วม ดังต่อไปนี้
7. ผู้ติดเชื้อยินยอมกักตัวในที่พักของตนเอง |
การดูแลตัวเองขณะอยู่บ้านเมื่อติดโควิด ก่อนรอเข้าโรงพยาบาล
|
การทำความสะอาดที่พักระหว่างกักตัว
|
อาการอย่างไรที่ต้องรีบเข้ารับการรักษา
อาการที่ต้องประเมิน อันดับแรก คือ อาการไข้กับเหนื่อย ถ้าไข้สูง หรือ มีอาการเหนื่อยง่าย หรือเริ่มหายใจหอบเหนื่อย ต้องรีบติดต่อ โรงพยาบาลที่แจ้งผลการตรวจหาเชื้อโควิด หรือติดต่อสายด่วน 1668, 1669 หรือ 1330 เพื่อหาเตียง เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทันที
วิธีการทดสอบ
|
หากมีอาการแย่ลง ต้องทำอย่างไร
สำหรับผู้ป่วยที่กักตัวอยู่ที่บ้าน “ผู้ป่วย หรือญาติต้องรีบติดต่อโรงพยาบาลที่ออกผลตรวจให้เพื่อแจ้งรายละเอียดอาการป่วยเพื่อให้โรงพยาบาลพิจารณาเรื่องการรักษาและจัดหาเตียงโรงพยาบาลสนาม ซึ่งจะดีกว่าการดูแลตัวเองที่บ้าน
|
ทานยาลดไข้ได้ไหม
ทานได้ ทานยาพาราเซตตามอล
|
ผู้ป่วย หรือผู้ที่ตรวจพบเชื้อโควิด สามารถออกจากห้อง หรือออกจากบ้านบ้างได้ไหม
ถ้าเดินออกมาให้แจ้งคนในบ้านให้ห่างไกล ผู้ป่วยใส่หน้ากาก คนในบ้านก็ต้องใส่หน้ากาก และเลี่ยงให้ห่างไกลกัน อย่าใกล้ชิดกัน ไม่แนะนำให้ออกจากที่พักอาศัย
|
การรับประทานอาหารสำหรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่ยังไม่มีอาการผิดปกติ หรืออาการไม่เยอะ ระหว่างกักตัว
ขอให้ดื่มน้ำให้เพียงพอ ให้ทานอาหารเป็นปกติ
|
กรณีครอบครัวมีเด็กเล็ก 1-5 ขวบมีผู้ปกครองติดโควิด และฝากญาติไม่ได้เพราะกลัวเด็กติดเชื้อ กรณีตรวจพบผู้ปกครองติดเชื้อแต่ลูกไม่ติด ควรทำอย่างไร
กรณีที่แม่ไม่ได้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนาม กักตัวอยู่บ้าน สามารถดูแลลูกได้ ให้ใส่หน้ากากให้ดูถึงความกระชับของหน้ากาก เช่น เอาหน้ากากผ้าทับหน้ากากอนามัย เพื่อสร้างความกระชับมากขึ้น ควรใส่หน้ากาก 2 ชั้น ถ้าเด็กโตต้องแยกกันให้เกิดระยะห่าง เว้นระยะห่าง กรณีลูกต้องดื่มน้ำแม่ สามารถดื่มได้ไม่เป็นประเด็น แต่ประเด็นคือเรื่องความใกล้ชิด
|
คำแนะนำการทำความสะอาดที่พัก หรือห้องพักของผู้ป่วย
แนะนำให้ผู้ป่วยทำความสะอาดด้วยตนเอง กรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถทำความสะอาดที่พักหรือห้องพักได้เอง คนทำความสะอาดต้องสวมหน้ากากอนามัย ใส่ถุงมือ และเข้าทำความสะอาดขณะที่ผู้ป่วยไม่อยู่ในห้อง
|
การทำความสะอาดพื้นบ้าน พื้นผิวทั่วไปในห้องผู้ติดเชื้อ
การทำความสะอาดพื้นผิว ให้ทำความสะอาดโดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อปรกติ น้ำสบู่ธรรมดา ห้ามใช้เครื่องดูดฝุ่นเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อฟุ้งกระจาย
|
การทำความสะอาดจานอาหารของผู้ติดเชื้อ
ภาชนะอาหารควรแยกทำความสะอาด ใช้น้ำยาแบบปรกติ และล้างมือให้สะอาด
|
การดูแลสุขภาพอนามัยระหว่างกักตัว
|
คำแนะนำเมื่อต้องอยู่ร่วมบ้านกับผู้ป่วยโควิดต้องอยู่ร่วมบ้านกับผู้ติดโควิด ต้องทำอย่างไร?
ผู้ดูแล/สมาชิกในครอบครัว/คู่สมรส ที่อยู่ร่วมบ้านกับผู้ป่วยโควิด ต้องแยกตัวเองออกจากผู้ป่วย ไม่อยู่ใกล้ชิด แยกห้องจากกัน หากแยกได้ และควรติดตามสังเกตอาการของตนเอง หากมีอาการเจ็บป่วยต้องรีบไปพบแพทย์ เนื่องจากจัดว่าเป็นผู้สัมผัสกลุ่มเสี่ยงสูง จึงต้องไปตรวจคัดกรองว่าติดเชื้อโควิดหรือไม่
|
อุปกรณ์ที่ต้องมีในบ้าน
|
ข้อปฏิบัติเมื่อต้องอยู่ร่วมบ้านกับผู้ติดโควิด
|
การทำความสะอาด
|
กรณีผู้ติดเชื้ออยู่บ้านคนเดียว แล้วสั่งอาหารผ่าน Grap จ่ายเงินอย่างไร จ่ายเงินสดได้ไหม
|
ข้อสำคัญของผู้ป่วยที่ติดโควิดและต้องอยู่บ้านที่มีคนอื่นอยู่ด้วย
ผู้ป่วยต้องใส่หน้ากาก คนอยู่บ้านต้องอยู่ห่างและสวมหน้ากากเช่นกัน และต้องล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ หรือใช้แอลกอฮอล์เพื่อป้องกันการแพร่กระจาย
|
คำแนะนำทั่วๆไปการปฏิบัติตัวเมื่อกลับถึงบ้าน
|
การใส่หน้ากากอนามัยให้ได้ผลดี
การใส่หน้ากากให้ได้ผลในการป้องกัน หน้ากากต้องกระชับกับใบหน้า การใส่หน้ากากสองชั้น พบว่าลดการติดเชื้อได้ดีกว่าหน้ากากชั้นเดียว โดยให้ใส่หน้ากากผ้าอยู่ด้านนอกทับหน้ากากอนามัย เนื่องจากทำให้หน้ากากกระชับมากขึ้น และคอยเปลี่ยนหน้ากากผ้าและซักบ่อยๆ
Double mask wearing เพิ่มประสิทธิภาพป้องกันโควิดได้มากกว่าหน้ากากชั้นเดียว
![]() |
โควิดติดได้จากทางไหน
โควิด-19 เป็นเชื้อไวรัสที่สามารถก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจ หลังติดเชื้ออาจไม่มีอาการ หรืออาจมีอาการเล็กน้อยคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา หรืออาจก่อให้เกิดอาการรุนแรงเป็นปอดอักเสบและเสียชีวิตได้
โควิด-19 เข้าสู่คนผ่านทางการหายใจเอาละอองฝอยที่ผู้ติดเชื้อ ไอ จาม หรือ สัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลายของคน จึงมี 3 รูที่ต้องระวัง
|
อาการเข้าข่าย COVID เป็นอย่างไร
อาการทั่วไปของโรคโควิด 19 พี่พบมากที่สุดคือ ไข้ ไอ ลิ้นไม่รับรส จมูกไม่ได้กลิ่น และอ่อนเพลีย อาการที่พบน้อยกว่าแต่อาจมีผลต่อผู้ป่วยบางรายคือ ปวดเมื่อย ปวดหัว คัดจมูก น้ำมูกไหล เจ็บคอ ท้องเสีย ตาแดง หรือผื่นตามผิวหนัง หรือสีผิวเปลี่ยนตามนิ้วมือนิ้วเท้า อาการเหล่านี้มักจะไม่รุนแรงนักและค่อยๆเริ่มมีอาการทีละน้อย บางรายติดเชื้อแต่มีอาการไม่รุนแรง
ผู้ป่วยส่วนมาก (80%) หายป่วยได้โดยไม่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล ประมาณ 1 ใน 5 ของผู้ติดเชื้อโควิด 19 มีอาการหนักและหายใจลำบาก ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือมะเร็งมีแนวโน้มที่จะมีอาการป่วยรุนแรงกว่า อย่างไรก็ตามทุกคนสามารถติดโรคโควิด 19 ได้และอาจป่วยรุนแรง คนทุกเพศทุกวัยที่มีอาการไข้ และ/หรือไอร่วมกับอาการหายใจลำบาก/ติดขัด เจ็บหน้าอก เสียงหาย หรือเคลื่อนไหวไม่ได้ ควรปรึกษาแพทย์ทันที หากเป็นไปได้ แนะนำให้โทรไปล่วงหน้า เพื่อสถานพยาบาลจะได้ให้คำแนะนำ
(ที่มา : https://www.who.int/thailand/emergencies/novel-coronavirus-2019/q-a-on-covid-19)”
|
ควันบุหรี่ จากคนติดเชื้อ COVID-19 เราสูดเข้าไป จะติดเชื้อหรือเปล่า
ในควันและละอองไอของบุหรี่่ประกอบด้วยสารคัดหลั่งน้ำลาย เสมหะ และแบคทีเรีย ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้ไกลจากการพ่นควันหรือไอ ดังนั้น ถ้าผู้สูบบุหรี่เป็นผู้ติดเชื้อ COVID ก็จะแพร่กระจายเชื้อไปยังคนอื่นได้ง่ายอีกด้วย หากท่านคือคนกลุ่มนั้นแนะนำให้เข้ารับการตรวจคัดกรองโควิด
|
ผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในระยะฟักตัว สามารถแพร่เชื้อได้
จากข้อมูลการศึกษาในปัจจุบันนี้ที่มีมาแล้วเป็นจำนวนมาก โรค COVID-19 มีระยะฟักตัวของโรค ตั้งแต่ 1 วัน จนถึง 14 วัน โดยมาตรฐานทั่วไปจะให้ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงเก็บตัวอยู่ที่บ้านเป็นระยะเวลา 14 วัน ในขณะนี้เริ่มมีข้อมูลออกมาว่า ผู้ป่วยในระยะฟักตัวระยะท้ายๆ อาจจะติดโรคไปยังผู้อื่นได้ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ โอกาสที่จะไอ จาม หรือมีฝอยละอองออกมา โอกาสเกิดขึ้นได้น้อยกว่าผู้ที่มีอาการ ดังนั้น คนที่ไม่มีไอ หรือจาม โอกาสที่จะมีการแพร่กระจายของโรคไปสู่ผู้อื่นก็น้อย อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มเสี่ยงที่มาจากแหล่งระบาดของโรค ก็อยากจะให้เก็บตัวไว้อยู่ที่บ้าน ปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดในการใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค ในกรณีที่เป็นโรคและควรกำหนดระยะห่างของบุคคล ระยะห่างกับคนในบ้าน ไม่ไปคลุกคลีหรือไม่ไปสัมผัส หลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกัน
|
ฟ้าทลายโจร ช่วยป้องกันโควิดไหม
ข้อมูลเป็นงานวิจัยที่จะพิสูจน์ผลของฟ้าทลายโจรอยู่ระหว่างการทำวิจัยของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ จึงไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าสามารถกำจัดเชื้อหรือรักษาโรคได้ อย่างไรก็ตาม ฟ้าทลายโจรถูกขึ้นทะเบียนว่ารักษาหวัด ถ้าจะกินก็ไม่เสียหายอะไร แต่อย่าคาดหวังผลมากหนัก เนื่องจากผลยังอยู่ในงานวิจัย
|
การฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในตัวบ้าน บริเวณบ้าน หรือสำนักงาน มีความจำเป็นมากแค่ไหน
ยังไม่จำเป็นมากค่ะ
|
การประเมินความเสี่ยงและการปฏิบัติ กรณีมีผู้ให้บริการหรือผู้รับบริการในสถานพยาบาลสัตว์ติดเชื้อ COVID-19 1. ผู้สัมผัสใกล้ชิด พูดคุยกับผู้ป่วยในระยะน้อยกว่า 2 เมตร นานเกิน 5 นาที หรืออยู่ในที่ปิดร่วมกับผู้ป่วย นานเกิน 15 นาที (วงที่ 1 วงผู้สัมผัสใน)
![]() |
คำแนะนำเกี่ยวกับวัคซีนโควิดวัคซีนป้องกันโรคโควิดมีความปลอดภัยแค่ไหน
วัคซีนทุกชนิดผ่านการทดลองมาแล้ว แม้มีการรายงานอาการข้างเคียง เช่น การเกิดก้อนลิ่มเลือด แต่อาการข้างเคียงต่างๆ พบน้อยมาก โดยตัวเลขคร่าวๆ การฉีดวัคซีน 250,000 คน พบอาการข้างเคียงที่รุนแรงประมาณ 1 คน ในขณะที่ผู้ติดเชื้อโควิด 250,000 คน จะมีผู้เสียชีวิตกว่า 3,000 คน ดังนั้น การฉีดวัคซีนมีประโยชน์มาก สามารถลดอัตราการเสียชีวิตได้สูงมาก
|
กลุ่มคนที่พบอาการแพ้บ่อย ๆ ฉีดได้ไหม
ฉีดได้ แต่แนะนำควรปรึกษาแพทย์ก่อน
|
รายชื่อวัคซีนป้องกันโควิดในประเทศไทยมียี่ห้อไหนบ้าง
ขณะนี้มี 2 ตัวคือ Sinovac ซิโนแวก และ AstraZeneca แอสตร้าเซนเนก้า และอยู่ระหว่างการประสานเพื่อนำเข้ามาอีก คือ Sputnik สปุตนิก และ Pfizer
|
เลือกฉีดวัคซีนยี่ห้อไหนดี
ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องเลือกยี่ห้อ เพราะในทางการแพทย์ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ เนื่องจากเป็นการศึกษาในประชากรคนละกลุ่ม แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาเป็นอันดับแรกคือ การเกิดอาการข้างเคียงรุนแรงของวัคซีนแต่ละยี่ห้อ พบในกลุ่มไหนบ้าง และมีอาการอย่างไร เพื่อนำไปพิจารณาวัคซีนที่เหมาะสมกับแต่ละกลุ่ม เพื่อที่จะเลี่ยงไม่ให้วัคซีนชนิดนั้นๆ ในคนกลุ่มที่พบมีอาการข้างเคียงมาก และไปเลือกใช้วัคซีนชนิดอื่นแทน
|
ผู้มีโรคประจำตัวควรได้รับวัคซีนป้องกันโควิดหรือไม่ ?
คนที่มีโรคประจำตัวยิ่งเป็นผู้ที่ควรได้รับวัคซีน เนื่องจากเป็นผู้ที่เมื่อได้รับเชื้อแล้วมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายถึงชีวิต ซึ่งขณะนี้วัคซีนทุกตัวสามารถป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงได้เกือบ 100% การจะพิจารณาว่าใครไม่ควรได้วัคซีน ต้องอยู่ในการพิจารณาของแพทย์เป็นราย ๆ ไป แต่ส่วนใหญ่สามารถให้ได้
|
ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว กังวลเรื่องการฉีดวัคซีน ควรให้คำแนะนำอย่างไร
|
ควรฉีดหรือไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด
เมื่อเปรียบเทียบกันระหว่างโอกาสที่จะเกิดความรุนแรงหรือผลข้างเคียงของการติดเชื้อโควิด กับการรับวัคซีน พบว่าการได้รับวัคซีนมีประโยชน์มากกว่าโทษ เมื่อเทียบกับการไม่รับวัคซีนในภาพรวมของสังคมทั้งประเทศ
|
วัคซีนป้องกันโควิดได้ดีแค่ไหน
เนื่องจากไม่มีวัคซีนชนิดไหนที่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 100 % ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนเพื่อป้องกันเชื้อโรคชนิดใด ตัวอย่างเช่น โรคไข้หวัดใหญ่ ที่แม้จะฉีดวัคซีนป้องกันแล้ว ก็ยังสามารถเป็นได้ แต่วัคซีนจะช่วยให้เมื่อเกิดการติดเชื้อ จะมีอาการไม่รุนแรง ดังนั้นเมื่อได้รับวัคซีนแล้ว ก็ยังคงต้องสวมหน้ากาก รักษาระยะห่าง ล้างมือ หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ เช่นเดิม
|
ผู้ที่เคยติดเชื้อแล้วต้องรับวัคซีนไหม
ผู้ที่ติดเชื้อ COVID-19 แล้ว ก็ยังควรได้รับวัคซีนป้องกันอยู่ โดยเว้นระยะเวลาหลังจากติดเชื้อไปแล้วประมาณ 30-90 วัน แล้วจึงไปรับวัคซีน
|
เมื่อได้วัคซีนแล้ว ใช้เวลานานเท่าไร จึงจะป้องกันเชื้อได้ ?
ส่วนใหญ่แล้ว เมื่อฉีดวัคซีนครบตามกำหนด ต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2 อาทิตย์ จึงจะเริ่มมีภูมิคุ้มกันสูงพอที่จะป้องกันการติดเชื้อได้ หลังจากนั้นภูมิคุ้มกันจะค่อยๆ สูงขึ้น และเมื่อนานไปจะลดลง
|